เรื่องควรรู้เกี่ยวกับ SEO ของเว็บไซต์ออนไลน์

เรื่องควรรู้เกี่ยวกับ SEO ของเว็บไซต์ออนไลน์

SEO เป็นกลยุทธ์สำคัญของการตลาดออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านยอดขาย ยอดวิว และชื่อเสียงของแบรนด์ สำหรับคนที่เพิ่งเป็นมือใหม่ในวงการเว็บไซต์ อาจยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำ SEO หรือทำแล้วจะดีอย่างไรบ้าง เราจึงรวมเรื่องที่คุณควรรู้ของ SEO สำหรับเว็บไซต์ออนไลน์มาฝากกัน ดังนี้

การหาคีย์เวิร์ดที่ตรงกับการค้นหาสำคัญมาก

คีย์เวิร์ดที่ดีเป็นแก่นของบทความในเว็บไซต์ที่สำคัญ มีการกล่าวว่าเว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จย่อมาจากขั้นพื้นฐานคือเลือกคีย์เวิร์ดที่ดีก่อน เพราะผู้คนจะค้นพบเว็บไซต์คุณจาก google ได้เมื่อพิมพ์คำเหล่านั้นในช่อง search แล้วระบบอัลกอริทึ่มแสดงผลออกมา ความจริงแล้ว ในแต่ละประเภทธุรกิจย่อมมีเว็บไซต์ที่แข่งกันหาคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม และเพิ่มการผลิตเนื้อหาสาระจากคีย์เวิร์ดนั้นอยู่ตลอดเวลา หากคุณไม่ให้ความสำคัญกับคีย์เวิร์ดก็จะไม่สามารถแข่งขันได้

นอกจากคีย์เวิร์ดยังมีอีกหลายอย่างสำหรับการทำ SEO

หลายคนเข้าใจว่า การทำ SEO คือการกำหนดคีย์เวิร์ดแล้วให้เขียนบทความให้เข้ากัน แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่แค่นั้น ยังรวมถึงการตั้งชื่อเรื่องที่เหมาะสม การกำหนดหัวข้อย่อย h1 h2 ในบทความ การตั้งค่า meta-description สำหรับอธิบายเนื้อหาอย่างย่อ การผลิตรูปที่มีคุณภาพและไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นต้น

Plug-In ที่ต้องดาวน์โหลด ก็ต้องศึกษาด้วย

หากทำเว็บ ผลบอล ก็ควรมีปลั๊กอินผลบอลเอาไว้ การปรับและพัฒนาโครงสร้างและการจัดเรียงหมวดหมู่สินค้าและบริการต่าง ๆ ให้เว็บไซต์ดูน่าใช้งาน จำเป็นต้องดาวน์โหลด plug-In มาใช้งานบน wordpress ซึ่งมีทั้งฟรีและที่คิดค่าบริการ หากจะให้มีระบบการซื้อขายบนเว็บด้วย คุณก็ต้องมีการดาวน์โหลด plug-In ที่จำเป็น เช่น Woo-commerce เพื่ออำนวยประโยชน์ให้สูงสุดและสร้างความประทับใจแก่ผู้ใช้งาน

ลูกค้ามั่นใจเมื่อเว็บติดอันดับต้น

Google เป็น Search Engine ที่คนไทยใช้ในการค้นหาข้อมูลมากที่สุด หากเว็บไซต์คุณทำ SEO อย่างดี จอแสดงผลอยู่อันดับ 1-5 ของคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ย่อมได้รับความไว้วางใจอย่างมากทั้งด้านเนื้่อหาสาระที่ไม่ผิดพลาด และสินค้าที่ขายก็เป็นของดีมีคุณภาพ ไม่ใช่มิจฉาชีพอย่างแน่นอน

SEO ช่วยควบคุมต้นทุนการทำธุรกิจในระยะยาว

เรามักได้ยินว่า ถ้าอยากให้ของขายดีต้องโฆษณาหรือที่เรียกว่า SEM (Search Engine Marketing) อย่างไรก็ตาม หากเราทำ SEO ให้เว็บไซต์มาอย่างต่อเนื่องย่อมทำให้เว็บไซต์ปรากฏอยู่ในอันดับต้น ๆ ได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินโฆษณาเลย แต่ก็ต้องยอมรับว่าใช้ระยะเวลาที่นานกว่าการซื้อพื้นที่โฆษณา

แม้ว่าการทำเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จด้วย SEO ต้องใช้ทั้งระยะเวลาและความมุ่งมั่นตั้งใจ แต่เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจชนิดที่หาคู่แข่งได้ยาก ก็จำเป็นต้องอดทนและทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในไม่ช้าย่อมเข้าถึงเป้าหมายได้อย่างแน่นอน

เขียนบทความอย่างไร ให้ติดอันดับ SEO บน Google

เขียนบทความอย่างไร ให้ติดอันดับ SEO บน Google

หนึ่งในวิธีที่ทำให้หน้าเว็บของคุณติดอันดับใน Google ได้ง่ายที่สุดนั่นคือ การเขียนบทความ เพราะอย่าลืมว่าเวลาที่ Google จัดอันดับนั้นจะต้องใช้เนื้อหาในเว็บต่าง ๆ เป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้พวกเขามั่นใจได้ว่าควรเลือกให้เว็บไหนอยู่อันดับเท่าไหร่ แต่การจะเขียนบทความเพื่อให้ติดอันดับ SEO ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงจำเป็นต้องรู้วิธีเขียนอย่างถูกต้องเพื่อให้เว็บของคุณประสบความสำเร็จ โดยขั้นตอนต่าง ๆ ไม่ใช่เรื่องยาก

วิธีเขียนบทความให้ติดอันดับ

คีย์เวิร์ด คือ หัวใจของการทำ SEO ลำดับแรก นักเขียนที่จะทำให้บทความของตนเองติดอันดับ SEO ได้ต้องรู้จักการใช้คีย์เวิร์ดให้เป็นก่อน คีย์เวิร์ด ในที่นี้คือ คำค้นหายอดนิยมที่คนส่วนใหญ่เขานิยมใช้ในการค้นหาสิ่งต่าง ๆ กัน โดยอาจเลือกจากการจัดอันดับความถี่ของการค้นหาคำ ๆ นั้น หรือใช้ความเหมาะสมโดยเทียบตัวเราเป็นคนค้นหาว่าถ้าต้องการค้นเรื่องนี้ควรใช้คีย์เวิร์ดใด เป็นต้น เมื่อมีคีย์เวิร์ดแล้วจะทำให้การเขียนบทความง่ายขึ้น มีจุดประสงค์ชัดเจนว่าจะเขียนถึงเรื่องอะไร

Topic & Description อย่าลืมใส่คีย์เวิร์ดลงไปด้วย หัวข้อและส่วนอธิบายรายละเอียดเบื้องต้น จำเป็นต้องใส่คีย์เวิร์ดที่ใช้ในบทความนั้น ๆ ลงไปด้วย เพื่อให้การค้นหาจากผู้ที่สนใจเข้าถึงหน้าเว็บของคุณง่ายขึ้น และที่สำคัญอีกอย่างคือ ทั้งหัวข้อและรายละเอียดเบื้องต้นต้องไม่ยาวมากจนเกินไป ให้สั้นกระชับ แต่เข้าใจความหมายที่ต้องการสื่อ

กระจายคีย์เวิร์ดในบทความอย่างเหมาะสม การทำบทความ SEO ไม่ใช่การเขียน ๆ ไปเพื่อให้คนค้นหาง่ายโดยใส่คีย์เวิร์ดเข้าไปเยอะ ๆ เพราะจะทำให้ Google ตรวจเป็นสแปมและเว็บมีสิทธิ์ตกอันดับได้ทันที แนะนำว่าควรเลือกใส่อย่างเหมาะสมของเนื้อหานั้น ๆ แล้วกระจายออกไปทั่วทั้งบทความ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับได้ไม่ยาก แต่ก็ต้องเลือกด้วยว่าเป็นคีย์เวิร์ดที่ได้รับความนิยมจริง ๆ

เขียนบทความที่มีสาระและประโยชน์และไม่ก็อปปี้คนอื่นมาเด็ดขาด ข้อนี้สำคัญมาก การเพิ่มบทความลงไปในเว็บไซต์โดยการก็อปปี้เว็บอื่น ๆ แม้จะให้เครดิตก็ตาม แต่เมื่อไหร่ที่เจ้าของบทความนั้นมาเห็นและสั่งรายงาน URL ของหน้าเว็บคุณมีสิทธิ์ตกอันดับทันที และกว่าจะแก้ไขขึ้นมาหรือทำเว็บใหม่ให้ติดเหมือนเดิมต้องใช้เวลาอีกนาน

ความยาวเนื้อหาเหมาะสม เนื้อหาบทความที่ดีควรมีอัตราเหมาะสม เช่น 300 คำ ขึ้นไป เพื่อให้รู้สึกว่ามีเนื้อหาสาระที่พอดี ไม่สั้นจนเกินไปขนาด Google ยังจับไม่ได้ นั่นจะทำให้คุณเสียโอกาสโดยใช่เหตุ

จากข้อมูลที่แนะนำไปข้างต้น จะช่วยทำให้การ เขียนบทความ SEO กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมแน่นอน

วิธีเขียนบทความให้ติดอันดับ

การโพสต์บล็อกแบบไหนมีประโยชน์กับการทำ SEO

การโพสต์บล็อกแบบไหนมีประโยชน์กับการทำ SEO

การเขียนบล็อกกับเว็บไซต์มีความแตกต่างกัน แม้ว่าจะเป็นช่องทางเผยแพร่ข้อมูลเหมือนกัน แต่เว็บไซต์มักจะเป็นการนำเสนอข้อมูลอยู่ฝ่ายเดียว เหมาะสำหรับการขายของออนไลน์และสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ ส่วนบล็อกเป็นเว็บไซต์รูปแบบหนึ่ง แต่เปิดให้ผู้อ่านเข้ามาแสดงความคิดเห็นท้ายบทความและโต้ตอบกันได้ ว่าไปแล้วก็มีส่วนคล้ายการโพสต์บทความผ่านโซเชียลมีเดีย การเขียนบล็อกจะคล้ายกับการเล่าเรื่องในมุมมองของตัวเอง ใช้งานง่าย และมีความเป็นทางการน้อยกว่า

การเขียนบทความในบล็อก

การโพสต์บล็อกแบบไหนที่มีประโยชน์กับการทำ SEO ก่อนอื่นต้องเรียนรู้เรื่องการเขียนบทความในบล็อกซึ่งต้องใช้ทักษะเพื่อให้ผู้อ่านสนใจและติดตาม โครงสร้างและการเขียนบทความต้องน่าสนใจ มีหัวเรื่องย่อยเพื่อให้อ่านง่าย หากคนอ่านชอบบทความและเข้าใจเนื้อหาก็จะรู้ว่าสินค้าและบริการนั้นมีจุดเด่นตรงไหน ถ้าชอบใจก็มีแนวโน้มที่จะแบ่งปันผ่านทางโซเชียลมีเดียทำให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การพัฒนาทักษะการเขียนบล็อกเพื่อดึงดูดผู้ชม พร้อมกับการทำ SEO เพื่อให้คำที่ต้องการค้นหาเป็นคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูงทำให้ผลลัพธ์การทำ SEO ดีขึ้นและจัดอันดับอยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นมากอย่างแน่นอน

ในเรื่องของคีย์เวิร์ดก็ต้องระมัดระวังเช่นเดียวกัน แนะนำว่าอย่าใส่คีย์เวิร์ดมากเกินไปทำให้อ่านข้อความไม่รู้เรื่องหรือไม่ราบรื่น อย่าทำแค่จับคำไปใส่ในบทความ ควรเริ่มจากเนื้อหาที่ดีมีประโยชน์ เลือกคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา บางคนมีความสามารถในการเขียนอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นนักเขียนมืออาชีพที่จะตั้งประเด็นไว้ก่อน มีคำถามว่าลูกค้าสนใจสินค้าและบริการแบบไหน คำตอบนั้นคือจุดโฟกัสเพื่อให้นำเสนอผลิตภัณฑ์ได้ตรงความต้องการของลูกค้านั่นเอง

เมื่อรู้ความต้องการของลูกค้าแล้ว พยายามหาช่องทางนำเสนอที่แตกต่างและดีกว่าคู่แข่ง กำหนดโครงสร้างของบทความ มีความยาวเท่าไร ย่อหน้าตรงไหน ปรับความยาวของบทความให้เหมาะสม ต้องมีอย่างน้อย 300 คำ พิจารณาการจัดอันดับของกูเกิลจะให้คะแนนกับบทความยาว ๆ แต่ถ้าบทความนั้นยาวเกินไปจะทำให้ผู้อ่านเบื่อก่อนที่จะอ่านจบ อยากรู้ว่าบทความควรยาวขนาดไหน ให้ลองเขียนบทความยาว ๆ แล้วตรวจสอบให้แน่ใจว่าความยาวและเนื้อหาแบบไหนที่มีคนสนใจเข้าอ่านมากที่สุด ก่อนโพสต์บล็อกให้คนอื่นอ่าน ต้องแก้ไขข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์และข้อผิดพลาดอื่น ๆ

หลังจากโพสต์เนื้อหาเสร็จแล้ว ถ้าเขียนเนื้อหาหัวข้อเดียวกับโพสต์ก่อนหน้านั้น อย่าลืมสร้างการเชื่อมโยงแต่ละโพสต์เข้าด้วยกัน เพราะการสร้างลิงก์ภายในหรือ Internal link จะเป็นการเพิ่มคุณภาพให้เนื้อหาบทความสำหรับการทำ SEO ผู้อ่านจะมองว่าคอนเทนต์ของเรามีคุณภาพและใช้งานง่าย สร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้ใช้งานพอใจ ขณะเดียวกันระบบการจัดอันดับของกูเกิลจะมองเห็นว่าบล็อกนี้มีความความเชี่ยวชาญและเชื่อมโยงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกันไปยังหน้าที่มีความสำคัญจะช่วยให้บล็อกหรือแม้แต่เว็บไซต์ก็มีอันดับที่ดีขึ้นได้เช่นกัน

การเขียนบทความในบล็อก

Keywords Research

รู้จักกับคีย์เวิร์ด สำคัญอย่างกับการทำ SEO

ความสำคัญของการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของเราเป็นผลลัพธ์ลำดับแรกๆ ของการค้นหาสิ่งที่ต้องการในกูเกิล นับเป็นหนึ่งวิธียอดนิยมที่ใช้ในการโปรโมทเว็บไซต์ให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเข้ามาเยี่ยมชมมากขึ้น คีย์เวิร์ดเป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่ง ผู้ใช้งานต้องการหาคำตอบก็จะพิมพ์คำนั้นหาคำตอบบนกูเกิลเพื่อเชื่อมโยงเข้ากับเว็บไซต์สินค้า บริการ และอื่นๆ ตามต้องการ มาดูกันว่าควรเลือกคีย์เวิร์ดอย่างไรให้ยอดขายพุ่งกระฉูด

1. การขายสินค้าและบริการต้องดึงดูดลูกค้าเป้าหมายให้เข้ามาเยี่ยมชมมากที่สุด เลือกคีย์เวิร์ดที่สั้นและชัดเจน เรียกว่าเป็น “คีย์เวิร์ดหลัก” ยิ่งเฉพาะเจาะจงคีย์เวิร์ดมากเท่าไร จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้แม่นยำตรงใจมากที่สุด เช่น รองเท้าฟิตเนส รีสอร์ตเชียงใหม่ หนังมาใหม่ และ iPhone 6

2. การใส่คีย์เวิร์ดที่มีคำขยายความเพื่อเชื่อมโยงให้ตรงกับความต้องการเฉพาะเจาะจง เช่น “ชื่อสินค้า รุ่น ราคา” หรือ “รองเท้าฟิตเนส ราคาถูก” เป็นคำที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่กำลังมองหาอยู่ คำขยายความจะเพิ่มความชัดเจน ผลการค้นหาจะแคบลง ผู้ประกอบการจะมีโอกาสเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายมากขึ้นทำให้มีโอกาสขายสินค้าได้ง่ายขึ้น ฝ่ายลูกค้าจะเห็นว่าเว็บไซต์ขายสินค้าอะไร เพื่อลูกค้ากลุ่มไหน ทำให้พบสินค้ารวดเร็วและตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น

3. ในกรณีที่ลูกค้าต้องการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดในวงกว้าง เพื่อมองหาอะไรใหม่ๆ นิยมใช้คำค้นหาที่สั้นและความหมายค่อนข้างกว้าง เช่น ร้านอาหาร หนังสือ มือถือ แนะนำให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่ยังไม่เป็นที่รู้จักกว้างขวาง ควรใช้คีย์เวิร์ดในลักษณะนี้ใส่ไว้ในบทความที่มีคุณภาพดีช่วยให้มีโอกาสเข้าตาลูกค้าง่ายขึ้น สร้างความประทับใจในการซื้อขายให้กับลูกค้าครั้งแรกเพื่อเปลี่ยนลูกคาขาจรให้กลายเป็นลูกค้าขาประจำ เข้ามาอุดหนุนทางเว็บไซต์ต่อไปเรื่อยๆ

4. แน่นอนว่าการเลือกคีย์เวิร์ดยอดนิยมเป็นตัวแปรสำคัญทำให้ลูกค้าค้นหาเว็บไซต์เจอง่ายขึ้น แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทำ SEO เท่านั้น ยังประกอบด้วยปัจจัยอื่นๆ โดยเฉพาะเนื้อหาบทความที่มอบประโยชน์ให้ลูกค้า สร้างความเข้าใจในตัวสินค้าและบริการ ทั้งรายละเอียด ข้อมูลการซื้อขาย คำแนะนำเรื่องวิธีการใช้งาน และอื่นๆ

5. การใช้คีย์เวิร์ดทำ SEO ช่วยให้เว็บค่อยๆ ไต่อันดับขึ้นมาได้ แต่อันดับในกูเกิลปรับเปลี่ยนตลอดเวลา มีเว็บใหม่เข้ามาแทรกอันดับอยู่เสมอ การสร้างลิงค์ด้วยคีย์เวิร์ดอย่างเดียวคงไม่พอที่จะสร้างความประทับใจให้ลูกค้าเป้าหมายกลับมาใช้งานเว็บซ้ำอีก จำเป็นต้องอัพเดทบทความให้ทันสมัย เนื้อหาบทความใหม่ๆ จะกระตุ้นให้คนสนใจเข้าชมเสมอ ยิ่งอัพเดทให้เว็บมีความเคลื่อนไหวมากเท่าไรยิ่งมีโอกาสปรับอันดับหรือคงอยู่อันดับสูงยาวนาน พร้อมกับตามเทรนด์การใช้คีย์เวิร์ดให้เหมาะกับสมัยนิยมด้วย คีย์เวิร์ดสามารถปรับเปลี่ยนได้เรื่อยๆ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้มียอดขายเพิ่มขึ้น

คนไทยใช้งานเว็บไซต์มากขึ้นเพราะความสะดวกของเทคโนโลยีมือถือที่อยู่ในมือ จะเห็นได้ว่ามีการค้นหาและซื้อผ่านเว็บไซต์มากขึ้นทุกปี ลองติดตามข่าวคีย์เวิร์ดที่มีการค้นหามากที่สุด โดยเฉพาะคู่แข่งใช้คำว่าอะไร และมีผลกระทบอย่างไร พยายามปรับเปลี่ยนคีย์เวิร์ดให้เหมาะสมกับยุคสมัยและความต้องการของลูกค้า ช่วยรับประกันว่ายอดขายสินค้าออนไลน์จะไม่เงียบเหงาแน่นอน

Search Engine Optimizetion